05 พฤศจิกายน 2553

จาก พระดำรัสของพระเจ้า "จงมองส่วนดีของเขาเสมอ และ ไม่จดจำความผิดของผู้อื่น"

วานนี้ วันศุกร์ที่ 5 พ.ย. 53 ปอยได้รับบทเรียน ชีวิตอีกครั้ง ในการเผชิญกับปัญหา (ที่ไม่คิดว่า มันจะเป็นเรื่อง)จริงไม่อยากเท้าความถึง แต่มีประโยคหนึ่ง ก้องอยู่ในใจว่า "จงให้อภัย และไม่จดจำความผิดของผู้อื่น" และประโยคสุดท้าย "จงมองส่วนดีของผู้อื่นและคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตนเสมอ"

พระดำรัสของพระเจ้า ที่ให้ปลอบประโลมจิตใจ หัวใจอันแสนหยาบกร้าน ให้เนียนนุ่มขึ้นเยอะทีเดียว

ที่ปอยรู้สึกอย่างนั้น เพราะว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน ปอยคง เสียใจ โกรธ มากมายกว่านี้ ใจปอยคงแย่กว่านี้แน่ๆ

ก่อนจะนอน ปอยก็คิดได้อีกว่า  พระเจ้าตรัสว่า อย่าโกรธอะไรให้ใคร จนเลยตะวันขึ้นอีกวัน และนี้ก็เช้าวันใหม่
ในคำอธิษฐาน ตามแบบที่พระเจ้าสอนว่า " ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลายที่ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ในสวรรรค์เป็นอย่างไร ขอให้เป็นอย่างนั้นในแผ่นดินโลก ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย และทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนอย่างที่ข้าพระองค์ได้ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น ขอโปรดอย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลองแต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้ายเหตุว่าราชอำนาจ ฤทธิ์เดชเป็นของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน"

ปอยคิดว่าสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เกิดกับเราท่ี่สุด คือ "สันติสุข"
แล้วสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน ก็คือ อาหาร
และสิ่งที่เราต้องยึดมั่นในการดำรงชีวิตอยู่กับผู้อื่น ให้อภัย

นี่แหละ อีกสิ่งที่พระเจ้าประทาน แล้ว ใจปอยเพิ่งตระหนัก และคิดได้ ยิ่งเราติดสนิทกับพระเจ้ามากเท่าไร รักพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ เฝ้าเดี่ยวด้วยใจสัตย์ซื่อ และ ไม่หลงไปกับทางของโลก ทุกอย่างก้าวของเราก็จะมีพระองค์ทรงเคียงข้าง พระเจ้าสถิตอยู่ในเรา แต่จิตวิญญาณของเราจะเติบโตหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราสัตย์ และมั่นคงกับพระองค์เพียงใด ความเชื่อที่ตั้งอยู่บนศิลา ก็ เจริญยิ่งกว่า ความเชื่อที่ตั้งอยู่บนหาดทราย และ ใจหวั่นไหว พัดไปมา ตามมรสุมชีวิต ....................เมื่อเราก็ตามที่เรา หลงลืมพระเจ้า จิตใจเราก็จะหลงไปในความมืด ขอให้ความสว่าง อยู่กับท่านเสมอไป ............อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน