20 กุมภาพันธ์ 2553

เย้! เรียนจบแล้ววววววววววว

"Hello>  ปี๋อ้วนก๋า น้องปอยหนา ปี่อ้วน  ถ่ายฮูปฮับปริญญา 1 นิ้ว ล่ะก๋า"
" ถ่ายแล้วเจ้าน้องปอย"
" ปี่ซื้อชุดถ่าย ตั้งแต่ ปี 49 ล่ะ "
"ก๋า ปี๋อ้วน"
"น้องปอยซื้อต่อปีก้อได้หรอ บะท่าไปตัดใหม่"
"ปี่อ้วน อู้ซื่อ น้องปอย บ่อไข้มีสะตาง หนา กะจะไปถ่ายตี่ร้านถ่ายฮูป ตี่ไหนดี"
"ยืมของปี๋ก็ได้"
"แต๋ก๋า อั๊นยืมเนอะ"
"เจ้า ได้กะ ได้กะ"
"อั๊น ประมาณ วันตี่ 16 ปี๋เอาไปฮื่อ ตั๋วเน้อ"
"เจ้า"
หลายวันต่อมา...........
"น้องปอย ปี่อยู่สยามทีวี กะเดียวไปหาเน้อ"

และแล้ว ปี๋อ้วนคนงามก็มากับฮันนี่  (หวานใจ สามีชาวเยอรมัน)
"ปี๋อ้วนเจ้า ขอบคุณ ล่ะ จะได้จะหาโอกาส คืนฮือ เน้อ เจ้า"
"เจ้าๆ บ่อเป็นยัง อั๋นปี๋ไปเน้อ จะไปริมปิงต่อ"
พอบอกทางกันเสร็จ ร่ำลากันเรียบร้อย  ตกเย็นก็หอบชุดครุยกลับบ้าน

วันถัดมา .....
ไปถ่ายแถวหนองหอย จ่ายไป 140 ค่ารูป 1 นิ้ว 120 กับsave file 20 บาท

และแล้วก็ได้รูปมาอย่างที่จะได้เห็นต่อไปนี้..............

เพราะนั้นคู่กัน อิอิ (ใครงามกว่ากัน สรุปว่า พอพอกัน เน้อเจ้า)

ต้องขอขอบพระคุณ พี่ศรีจิต(พี่อ้วน) ที่กรุณาให้ยืมชุดครุยนะคะ
และดีใจที่เราได้อยู่รุ่นเดียวกันนะคะ
พวกเราเหล่านิเทศเขียวทอง
จะไม่ทิ้งกัน
และจะสร้างสรรค์สังคม
ให้เจริญวัฒนา
ต่อไป


19 กุมภาพันธ์ 2553

วันครบรอบแต่งงาน ปีที่ 4

เช้า วานนี้ หลังจาก ไปส่ง เจแปน(ลูกชาย)ที่โรงเรียนแล้ว ก็มีประโยคขอร้อง ออกมาจากปากสามี ดิฉันเองค่ะ ว่า


เอ่อ ... My shy but I say.

“ขอหอมหน่อย” สามี

“ทำไมหรอ วันนี้ เค้าสวยใช่ม๊า” ปอยผู้หลงตัวเอง อิอิ

“เปล่า” (จะบอกว่า ที่อยากหอมไม่ใช่เพราะ ภรรยาสวย หึ ตีความหมายได้อย่างนี้ กับคำว่าเปล่า)

“วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน 4 ปีของเรา” สามีทำหน้าลังถึงซะไม่มี (ซึ้งอ่ะซึ้ง)

“ว้าย จริงด้วย วันนี้วันที่ 18 แฮะ แฮ่ ลืมไป”, “ม่ะ ขอหอมมั้ง” อ่ะนะ

17 กุมภาพันธ์ 2553

“เรามา Defragment หัวใจ ของเราหน่อยดีไหมค่ะ”

จะสังเกตว่า บทความหลายบทความที่อยู่ในบล็อกนี้ จะกล่าวถึง “อดีต” พูดถึง “เมื่อก่อน” กล่าวถึง “ปัจจุบัน” พูดถึง “ตอนนี้” บ่อยมากๆ มันมีเหตุผลในตัวของมันเอง บทความที่ปอยเขียน ทุกบทความ เป็นเจตนาที่จะเขียน ทบทวนตัวเอง ทบทวนความคิด เป็นการทดความรู้สึก เป็นการบวกเพิ่ม และตัดออก ของความคิด ในแต่ละช่วงเวลา และการทบทวนตัวเองเหล่านี้ มักจะเป็น ยามราตรี มากกว่าเวลา กลางวัน


เพราะกลางวัน มันสาระวนอยู่กับงานที่ทำ คิวปัญหาที่ต้องจัดการ และแก้ไข จึงไม่มีสติมากพอที่จะพินิจพิจารณา วิเคราะห์ตัวเองได้มากมายนัก

คนอื่น ปอยไม่รู้ และ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจคนอื่นได้

รู้แต่ว่า ตัวเอง ต้องทบทวนตัวเองทุกวัน เพื่อเป็นการ Defragment ตัวเองทุกวัน

เพราะวันๆ นึง ในสมองเราคิด จิตใจเราประมวลค่า ความรู้สึกของตัวเอง มากมาย

แต่ไม่ค่อย ได้จัดระเบียบ หัวใจ ตัวเองเท่าไร



“เรามา Defragment หัวใจ ของเราหน่อยดีไหมค่ะ”

ในระหว่างที่ Defragment หัวใจ เราก็ สแกน ไวรัส หัวใจบ้าง คัดแยกขยะในใจบ้าง สลับกันไป
 เวลา Defragment จะได้ไม่นานไม่เปลืองพลังงานและเวลามากมาย
“จะได้รู้ว่า จริงๆ แล้ว ขยะในใจ เรา มีมากน้อยแค่ไหนไง”

จัดระเบียบหัวใจ แล้วจิตใจจะได้สวยงาม ไม่รกเกินไป จะได้ปลอดโปร่ง โล่ง สบ๊าย สบาย ใจ

นิยามความรัก

นิยามความรักในใจ หลายคน คงไม่เหมือนกัน แต่ก็อาจคล้ายคลึงกันบ้าง แต่ก่อนคิดว่า ความรักคือการให้ คือการเสียสละ คือการให้อภัย คือ การใส่ใจดูแล ห่วงใยกัน ก่อนนั้นคิดว่า”รัก” คือความรู้สึกดีๆ ต่อมา คิดว่า “รัก” คือความคาดหวัง คิดว่ารักคือการแบ่งปัน แต่ความจริง ในวันนี้ กลับรู้ว่า จริงๆ แล้ว


“รัก” คือการอดทนนาน แต่ก่อนไม่เข้าใจ ว่าทำไมคน “รัก” กัน ถึงต้อง อดทนกันและกันมากมายขนาดนั้น ทำไมต้องอดทน ทำไม ต้องอดทนให้นาน รู้แต่ว่า ในตอนนั้น วลีหนึ่งที่ใช้บ่อย สำหรับการตัดพ้อ ต่อความรู้สึกนึกคิดที่ได้รับจากการกระทำที่ เราคิด ว่า เรา “รัก” เขา หรือว่า เรา “รัก” คนอื่น นั้นคือ วลีที่ว่า “คนที่เค้า รักกัน เค้าไม่ทำแบบนี้” เอ่ยถึง วลี ประโยคนี้ทีไร “น้ำตามันจะไหล” เพราะตอนนั้นรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ รู้สึกว่า “คนที่เค้า รักกัน เค้าไม่ทำแบบนั้น แบบนี้ อย่างนั้น อย่างนี้



แต่เชื่อไหม ตอนนี้ ปอยกลับรู้สึกว่า “รัก” คือ การอดทนนาน คือ เชื่อในส่วนดีของเค้า ไม่ต้องสนใจว่า เค้าจะไม่ดีอย่างไร ทำอะไรกับเราบ้าง ไม่ต้องสนใจ ว่าเค้า จะทำอย่างนั้น อย่างนี้ รู้แต่ว่า “รัก” และเชื่อในส่วนดีของกันและกันเสมอ



แล้ว “รัก” ครั้งใหม่และตลอดไป ก็คือ “รักที่ไม่ต้องฝืนใจที่จะทน หรือ ข่มใจ ให้อดทน แต่ ทนได้ทุกอย่าง ก็เพราะ “รัก”

ไม่ใช่ “รัก” จึงทน แต่ทนได้เพราะ “รัก” เพราะ “รัก” จริงๆ ไม่ใช่ “รัก” อย่างที่ โลกรัก แต่รัก ในแบบที่พระเจ้าทรงสร้าง

เมื่อก่อน ก็ไม่เข้าใจ อีกนั้นแหละ ว่าทำไม จึงมีคำกล่าวที่ว่า “พระเจ้าเป็นความรัก” ไม่เข้าใจนะ เพราะตอนนั้นคิดว่า ประโยคนี้ น่าจะหมายความถึง การนำความรักเป็นใหญ่ แต่ จริงๆ ในใจตอนนี้ สัมผัสได้เลยว่า ” พระเจ้าเป็นความรัก “

ไม่ใช่ “ความรักเป็นพระเจ้า”นะ มันไม่เหมือนกัน จริงๆ พระเจ้าเป็นความรัก ไม่ใช่ ความรักเป็นพระเจ้า



“รัก” ในแบบที่ พระเจ้ารักเรา

“รัก” และอดทนนาน อย่างที่พระเจ้าอดทนกับเรา

“รัก” ที่เชื่อในส่วนดีของผู้อื่น เสมอ รวมถึง “รัก” ตัวเองด้วย

“รัก” ให้เป็น รักของพระเจ้าชอบธรรม เสมอ และไม่ลำเอียงเลย

“รัก” ของพระเจ้าใหญ่ยิ่ง เกิน คำอธิบายได้ (ปอยคงอธิบาย หรือ ให้คำนิยาม ของ พระเจ้าคงไม่หมดในวันเดียวแน่ และ ปอยก็คงไม่อาจหาญที่ จะ ทำให้คุณ หรือ ใครที่อ่าน ถ้อยคำเหล่านี้ แล้ว เชื่อ เชื่ออย่างที่ปอยเชื่อ คิดอย่างที่ปอยคิดได้หรอ เพราะ “รัก” ของพระเจ้านี้ อยู่ที่ ว่า “ใจ” ใครจะรับเอาไว้หรือไม่ เท่านั้น จริงๆๆ

16 กุมภาพันธ์ 2553

Pornprom Onlaweng 1992

“ พรพรหม อลเวง ” ละครเรื่องนี้ เมื่อ 18 ปีก่อน เป็นละครที่ปอยติดมากเลย ดูทีวีไม่ทันใจหาหนังสือพิมพ์มาอ่าน ติดมากเนี่ย ไม่รู้ว่าตอนนั้นที่ติดเพราะสนุกอย่างเดียว หรือว่า เพราะ ชื่อเรื่อง มีชื่อตัวเองปนอยู่นั้นนี้ก็ไม่ทราบ อ่ะนะ




ตอนนั้น ไม่รู้ รู้แต่ว่า ตอนนี้ ลูกพี่ปอย (หัวหน้างานน่ะ) บอกว่า จะเปลี่ยนลายเซ็น เปลี่ยนอะไรไม่ว่า

แต่ อย่าเป็น “พรพรหมอลเวงก็แล้วกัน 5555555555555

ไม่รับปากหรอก เพราะคาแรกเตอร์ปอยมัน อลวนอลเวง อย่างเงี้ย อิอิ

การเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากคนอดีต เป็นคนปัจจุบัน

เรารู้กันดีอยู่แล้ว กับความหมาย ของคำว่าอดีต คือสิ่งที่ล่วงไปแล้ว และ ปัจจุบันก็คือสิ่งที่ดำเนินอยู่
ดังนั้น อดีต คือสิ่งที่ทุกคน รู้อยู่แล้วว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นมา บ้าง แต่ จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากคิด ถึงอดีตในด้านลบตลอดเวลา หรือแม้แต่การจมปรักอยู่กับอดีต ทั้งเรื่องดี และเรื่องร้าย อดีต ที่เป็นเรื่องดี ก็มีประโยชน์ที่ทำให้จิตใจชุ่มชื่นเมือได้หวนคิดคำนึงถึง แต่ อดีตที่ขมขื่นล่ะ คิดแล้วได้อะไร หรือเปล่า ได้ความเจ็บปวด ได้ย้ำบาดแผลเดิม ได้ตำรอยแผลเก่า หรือ ได้ฉายหนังชีวิต ของตัวเอง ซ้ำอีกหลายพันรอบ ได้ทั้งนั้น


แต่ในวันนี้ ปอยอยากจะบอก ถึงการเปลี่ยนแปลง โดยใช้อดีต ให้เป็นประโยชน์ อย่างไรน่ะหรอ

1. ใช้ อดีต ให้เป็นประโยชน์ในการทบทวนตัวเอง การทบทวนตัวเอง คือการทำความรู้จักกับตัวเอง แต่การทบทวนที่ยุติธรรมกับตัวเองที่สุด คือ อย่าโกหกตัวเอง อย่าเข้าข้างตัวเอง แบบข้างๆๆคูๆๆ หรือ ไปได้แบบน้ำขุ่น ขอให้มีความจริงใจกับตัวเอง น้ำใสใจจริงซักหน่อย

2. ใช้ อดีต เป็นบทเรียนชีวิตบทเรียนชีวิต คือการบันทึกรายการที่ย้ำเตือนว่า ในครั้งต่อไป อย่าได้ทำ หรือ ทำได้ บทเรียนชีวิต คือ คำเตือน หรือ ข้อบ่งใช้ ในฉลากชีวิต คิดถึงอดีตได้แต่อย่านาน อย่าบ่อย แบบไม่มีเหตุผล อย่าเปลืองที่จะคิดถึงอดีต ออกแบบความคิดตัวเองใหม่ ให้สร้างสรรค์ แล้วทุกวันจะมีแต่คำว่า Happy จริงๆ นะ ไม่เชื่อต้องพิสูจน์เอง ไม่ทำไม่ว่า ไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไร ไม่ใส่ใจ ก็ไม่นำพา ไม่ศรัทธา ก็ไม่ว่ากัน

3. แต่อย่าใช้ อดีต เป็นตัวกำหนดอนาคต



ที่สำคัญอีกประการ เมื่อรู้ตัวแล้วว่าเป็นคนอย่างไร ก็ต้องรู้จักให้อภัยตัวเอง เพื่อเปิดใจให้ตัวเองได้เริ่มต้นใหม่


ขอให้เชื่อ อย่างนี้ว่า “สิ่งเก่าๆ (อดีต) ก็ล่วงไปแล้ว นี่แหละ เป็นสิ่งใหม่(ปัจจุบัน)ทั้งนั้น เชื่อในความจริงข้อนี้แล้วไซร้ ก็จะเป็นคนใหม่ที่อยู่กับปัจจุบันได้อย่างมีสันติสุขในใจได้

เพราะ การอยู่กับปัจจุบันสำคัญที่สุด


อย่าคิดเลย ว่า อดีต ใครคือต้นเหตุ อย่ารู้เลย ว่า อดีต ใครผิดพลาด อย่าคิดเลยว่าจะ โทษใครดี อย่าคิดหา แพะรับกรรม หรือคนรับบาป เพราะ สิ่งต่างๆ เหล่านั้น ล่วงมาแล้วผ่านมาแล้ว อย่าคิดโทษ อย่าคิดหาคนผิด ให้ อภัย แล้วใจจะสบาย เข้าใจว่าไม่ง่ายที่จะให้ อภัย ขอเพียงว่า “อย่าจดจำความผิด ของคนอื่น (รวมทั้งตัวเองด้วย)”แล้วการ อภัย ก็จะทำได้ง่ายๆ

อนาคตเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ แล้วไซร้ ใยจึงอวดอ้างวันพรุ่งนี้ เล่า

01 กุมภาพันธ์ 2553

เท้าเทียม OTTO BOCK ที่ใฝ่ฝัน

ไม่แน่ใจว่าเท่าที่หาได้จากอินเตอร์เน็ต เท้าเทียมที่ปอยใช้อยู่น่าจะเป็น  อันแรกนะเนี่ย ตอนนั้น ซื้อมา ข้างละ 2,200 เอง ไม่รู้ตอนนี้เท่าไรแล้ว วันนี้คุณพิชัย จากบริษัท OTTO BOCK โทรศัพท์มาให้รายละเอียด ทราบราคาเบื้องต้น ไม่รู้ว่าจะใช่อย่างที่อยากได้หรือเปล่า แต่ ราคา60,000 กว่าบาท ซึ่งตั้งใจว่าจะทำเรื่องกู้เงิน คนพิการ ซัก 40,000 ไม่เกินนี้ คุณพิชัยบอกว่า มีอีกแบบ ประมาณ 30,000 ต้นๆ แล้วจะส่งแคตตาล็อกมาให้ดู อยากเห็นจัง ว่าเป็นไง ทำอะไรได้บ้างเน้อะ