29 เมษายน 2552

ไอเดีย การบริจาค ให้มูลนิธิเด็กอ่อนพญาไท


ปอยได้เข้าไปอ่านบล็อกของ เปิ้ลกับศิระ ซึ่งบล็อกนี้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นจุดศูนย์กลางของข้อมูลต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อการทำความดีของเพื่อนๆ อย่างเช่นการบริจาคเงินและสิ่งของให้แก่ผู้ที่กำลังประสบปัญหาและมูลนิธิต่างๆ ทั้งมูลนิธิเด็ก คนชรา สัตว์ทั้งหลายที่ถูกทอดทิ้ง
โดยร่วมแชร์ประสบการณ์การทำความดี ไปบริจาคยังที่ต่างๆเอาไว้ทั้งยังมีข้อมูลการติดต่อ แผนที่ และสิ่งต่างๆมากมายที่จะช่วยอำนวยความสะดวกการทำความดีของเพื่อนๆ
จึงอยากร่วมประชาสัมพันธ์และขอชื่นชมน้ำใจอันดี ของน้องเปิ้ลและศิระ ทั้งพ้องเพื่อนที่สร้างบล็อกดีๆ แนวคิดดีๆ การกระทำดีๆ อย่างนี้


ที่มา: http://donationexp.wordpress.com/2007/06/03/phayathai-
เบอร์ติดต่อ มูลนิธิบ้านเด็กอ่อนพญาไท
Tel: +66 (0) 2584-7254-55Fax: +66 (0) 2584-7264
ที่อยู่และแผนที่มูลนิธิบ้านเด็กอ่อนพญาไท
Phayathai Babies’ Home78/24 Phumwet Road, Bangtalat, Pakkret, Nonthaburi 11120 Thailand.babies-home/

ร่วมบริจาค อลูมิเนียม (ห่วงฝากระป๋อง วัสดุเหลือใช้ ประเภทอลูมิเนียม ฯลฯ)


ข้อมูลเรื่อง อลูมิเนียมที่มูลนิธิขาเทียมได้รับบริจาค
มูลนิธิขาเทียมฯ ขอขอบคุณในกุศลจิตของท่าน ที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ในการช่วยเติมชีวิตให้เต็มแก่ผู้พิการขาขาดที่ด้อยโอกาส ให้สามารถลุกขึ้นมายืนหยัดสู้ชีวิต มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ไม่เป็นภาระแก่สังคมและกลับมาเดินได้อีกครั้งหนึ่ง

อลูมิเนียม อาทิ ฝาเปิดกระป๋องเครื่องดื่มต่างๆ ฝาตลับแป้งอลูมิเนียม ฝาจุกน้ำดื่มที่ผลิตมาจากอลูมิเนียม กระป๋องน้ำอัดลม กระป๋องเบียร์ หม้อ กะทะอลูมิเนียมเก่าๆและขยะอลูมิเนียมอื่นๆที่ผลิตจากอลูมิเนียม ยกเว้น กระป๋องกาแฟ และกระป๋องนมสดต่างๆ ที่มีส่วนประกอบของเหล็ก จะไม่สามารถนำมาใช้ได้
อลูมิเนียมดังกล่าวข้างต้น จะนำมาหลอมผลิตเป็นวัสดุ อุปกรณ์และชิ้นส่วนในการทำขาเทียม ดังนี้
1. ตัวปรับความเอียงของเบ้า (coupling) บนอุปกรณ์จัดแนว เพื่อให้ขาเทียมติดกับแกนหน้าแข้ง

2. ตัวยึดเบ้า เป็นน็อตสำหรับยึดเบ้าให้ติดกับอุปกรณ์ปรับความเอียงและอุปกรณ์ปรับแนว

3. ข้อตะโพกเทียม สำหรับผู้ป่วยที่ตัดขาระดับข้อตะโพก

4. ข้อเข่าหลายจุดหมุน(Poly centric knee unit) สำหรับผู้ป่วยที่ตัดขาระดับข้อเข่า

5. ไม้เท้า (cane) สำหรับผู้สูงอายุทั่วไปและไม้ค้ำยันท่อนแขน (Forearm crutch)
สำหรับผู้พิการขาขาดที่ยังไม่ได้รับขาเทียม

6. วอกเกอร์ (walker) สำหรับผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับขาเทียมและผู้ที่ได้รับขาเทียมครั้งแรก
ซึ่ง ยังไม่มีความมั่นคงในการเดิน

7. น็อต แหวนและสกรู จะเป็นตัวช่วยสำหรับยึดอุปกรณ์ปรับความเอียงของเบ้าและอุปกรณ์
ปรับแนว

ปัจจุบันมูลนิธิขาเทียมฯ ได้รับบริจาคอลูมิเนียมเป็นจำนวนมากทั้งจากในและต่างประเทศ ก่อให้เกิด
ปัญหาในการจัดเก็บอลูมิเนียมไม่เพียงพอกับความต้องการ เป็นภาระทางการเงินแก่มูลนิธิฯเช่น ต้องเช่า
สถานที่ในการจัดเก็บอลูมิเนียม ต้องจัดจ้างคนงานมาทำการคัดแยกขยะอลูมิเนียม ต้องจ้างโรงงานในการ
หลอมอลูมิเนียมให้เป็นแท่งและยังต้องหาโกดังเก็บแท่งอลูมิเนียมเหล่านี้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว
คณะกรรมการมูลนิธิขาเทียมฯ มีมติให้นำอลูมิเนียมดังกล่าวไปแลกกับอลูมิเนียมเกรดที่ดี เป็นเกรดเดียวกับ
อลูมิเนียมที่นำมาทำเครื่องยนต์ ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทานมาก สามารถรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
เอามาทำเป็นชิ้นส่วนอลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทาน เมื่อต้องการผลิตชิ้นส่วน และเมื่อไม่ต้องการผลิตชิ้นส่วน
ก็ให้จำหน่ายเศษอลูมิเนียมทั้งหมด นอกจากจะไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าที่เก็บอลูมิเนียม ค่าจ้างหลอมอลูมิเนียม
ค่าเช่าโกดังเก็บแท่งอลูมิเนียมที่หลอมแล้ว มูลนิธิฯยังได้เงินเพื่อจะนำไปทำขาเทียมให้แก่ผู้พิการขาขาด
ที่ยากไร้ด้อยโอกาส โดยไม่เลือกเชื้อชาติและศาสนา ซึ่งก็เป็นการช่วยให้ผู้พิการขาขาดได้มีขาเทียมใช้
ได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

สถานที่ที่เข้าร่วมโครงการรับบริจาคอลูมิเนียมให้กับมูลนิธิขาเทียมฯ
1. Big C ทั่วประเทศและ Lotus บางสาขา
2. หน่วยงานที่สังกัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เช่น กรมควบคุมมลพิษ กรมป่าไม้
กรมอุทยานแห่งชาติ กรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อมเป็นต้น
3. โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งอยู่ในจังหวัดกรุงเทพฯ
4. บริษัทบางกอกแคน แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด
เลขที่ 1,13 ซอยรังสิต นครนายก 46
ต. ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี
จ. ปทุมธานี 12130 โทร. 02-5330277
บริษัทดังกล่าวจะเป็นผู้รวบรวม คัดแยกอลูมิเนียมทั้งหมดและส่งโรงงานหลอมอลูมิเนียม
5. บริษัท แอล ที อี ซี จำกัด (นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ. ลำพูน)
6. "มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี"
199 ม. 4 ต. ดอนแก้ว อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ 50180
โทรศัพท์ (053) 112271-3 แฟกซ์ (053) 112275
"มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี"
อาคารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (ข้างโรงพยาบาลหัวเฉียว)
693 ถ. บำรุงเมือง แขวงพลับพลาชัย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ (02) 2265666 ต่อ 2600

(ตู้รับบริจาคอลูมิเนียมที่ทางบริษัทบางกอกแคน แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด มอบให้มูลนิธิขาเทียมฯ)

ขาเทียม 1 ขา จะมีส่วนประกอบของขาเทียมที่ผลิตมาจากอลูมิเนียมประมาณ 10-20 % ส่วนที่เหลืออีก
80-90 % จะผลิตมาจากพลาสติกชนิดต่างๆ เช่น เบ้าพลาสติก ข้อเข่าเทียม แกนหน้าแข้งและเท้าเทียม ซึ่งมูลนิธิฯ
จะต้องจัดซื้อมาใช้และขณะนี้พลาสติกก็มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากท่านมีความไม่สะดวกในการจัดส่ง
ท่านอาจจะรวบรวมอลูมิเนียมที่จัดเก็บได้ไปจำหน่ายร้านรับซื้อของเก่าและนำเงินดังกล่าวโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์
ชื่อ “มูลนิธิขาเทียม”
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาชิดลม เลขที่บัญชี 001-4-76000-8
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาคณะแพทย์ศาสตร์เชียงใหม่ เลขที่บัญชี 566-2-50375-3
ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุเทพ เลขที่บัญชี 471-2-02394-0
ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนสุเทพ เลขที่บัญชี 504-0-15260-4
ซึ่งมูลนิธิฯจะนำเงินดังกล่าวมาใช้ในการทำขาเทียมให้ผู้พิการขาขาดตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิขาเทียมฯ ต่อไป ที่มา: http://www.prosthesesfoundation.or.th/original/indexTH.htm

28 เมษายน 2552

ข่าวดี FREE สำหรับเพื่อนผู้พิการเหนือเข่า

ขาเทียมสำหรับผู้พิการขาขาดตั้งแต่เหนือเข่า free
Ai
เมื่อ : พุธ 29 เมษายน พ.ศ.2552 เวลา 05:29 น.


ขาเทียมสำหรับผู้พิการขาขาดตั้งแต่เหนือเข่า free
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สำนักงานคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ 126 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 มือถือ : 08-1809-4631 , 08- 3913-3504 KING MONGKUT'S UNIVERSITY OF TECHNOLOGY THONBURI OFFICE OF THE DEAN, FACULTY OF ENGINEERING 126 Prachautit Rd. Bangmod Tungkru Bangkok 10140 Thailand Mobile: 08-1809-4631 , 08- 3913-3504 เรียน พี่ๆ น้องๆ และ เพื่อนที่เคารพ ส่งต่อหน่อย Thank you ทราบจากคุณวุฒิวงศ์ผู้เป็นเจ้าของ บริษัท วงศ์ธนาวุฒิ จำกัดว่า ได้ร่วมกับ เพื่อนๆ ประดิษฐ์ขาเทียมสำหรับผู้พิการขาขาดตั้งแต่เหนือเข่า โดยเป็นเพียงรายเดียวที่สามารถประดิษฐ์ขาเทียมให้ผู้ที่สวมสามารถงอขานั่งพับเพียบและเดินได้เช่นคนปกติ ทำให้ผู้พิการทุกคนที่ต้องการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย คุณวุฒิวงศ์ไม่ต้องการรับเงินบริจาคแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการความช่วยเหลือ โดยหากท่านพบผู้พิการในถิ่นห่างไกลที่ต้องการขาเทียม โปรดช่วยจดชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ให้แก่คุณวุฒิวงศ์โดยตรง ที่โทรศัพท์ 081-847 - 9374 ขออนุโมทนาในความเมตตาของทุกท่าน สาธุ... สาธุ...สาธุ ขอผลบุญที่พวกท่านได้ กระทำใน วันนี้ จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวอยู่ เย็นเป็นสุข และมีความสุขตลอดไป
ที่มา: http://www.dekabac.com/board/show.php?Category=FUN&No=1074
สำหรับผู้อ่าน (กรุณาบอกต่อ เพื่อร่วมช่วยกัน ต่อเติมร่างกายผู้พิการให้สมบูรณ์ด้วยนะคะ)
และขอเป็นตัวแทนเพื่อนผู้พิการขาขาด ขอบพระคุณ คุณวุฒิวงศ์ และเพื่อน ที่มีภาระใจให้ความช่วยเหลือ เพื่อนผู้พิการเสมอมา ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ท่านและผู้เป็นที่รักประสบแต่สิ่งดีๆ ในชีวิตค่ะ

27 เมษายน 2552

วันคริสต์มาส ณ โบสถ์สันติธรรม ปี 51










ลำดับภาพ(จากซ้ายไปขวา) ลูกเจแปน พ่อแจน แม่ปอย
ณ โบสถ์สันติธรรม จ.เชียงใหม่
ภาพถ่ายในวันคริสต์มาส คริสต์มาส 25 Dec 08

บทความเพิ่มเติม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คริสต์มาส หรือ วันคริสต์มาส (อังกฤษ: Christmas, Christmas Day หรือย่อ ๆ ว่า XMas) คือเทศกาลเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งคริสต์ศาสนา ซึ่งเชื่อกันว่าตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี พระองค์ประสูติที่เมืองเบธเลเฮมและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน
ประวัติ
คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ (Christmas) ซึ่งมาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษ (เขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1038) และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในรัชกาลของจักรพรรดิออกุสตุสแห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรีย ก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนกำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64 - ค.ศ. 313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

02 เมษายน 2552

ตอนที่ 2 หลังนาทีชีวิต


หลังจากที่คนขับรถวางปอยลงบนเตียงฉุกเฉิน ปอยยังมีสติอยู่ แล้วปอยก็ยืนบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ไปเพื่อให้เขารู้ว่าปอยเป็นใคร การปฐมพยาบาลเบื้องต้นจึงเริ่มขึ้นพร้อมๆ กับความเจ็บปวดของบาดแผลที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นมีเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งถามขึ้นว่า คุณชื่อ พรพรหม ใช่ไหมครับ คำถามนี้ทำให้ปอยฉุนมากเลย เพราะปอยได้ยื่นหลักฐานแสดงตัวไปแล้ว จึงตะโกนไปด้วยความโกรธว่า"ก็เอาบัตรประชาชนให้แล้วไง ถามอยู่ได้" ตำรวจนายนั้นจึงเงียบไป และขณะใดนั้นเอง ปอยก็รู้สึกเจ็บที่ขามาก เพราะอะไรน่ะหรอ ก็คุณพยาบาลน่ะสิค่ะ เธอพยายามดึงกางเกงวอร์มของปอยออก โดยที่ขอบยางยืดของเอวกางเกงกระชากคราดแผล โทสะเริ่มทวีขึ้น และตะโกนบอกพยาบาลไปอีกว่า " ทำไมไม่เอากรรไกรตัดเล่า เจ็บจะตายอยู่แล้ว " พยาบาลก็ตกใจและรีบเอากรรไกรมาตัดขากางเกงปอยออกทันที
และรายการทวนทรัพย์สินจากพยาบาลอีกรายจึงเริ่มขึ้น "มีนาฬิกา 1 เรือน กับทอง 1 เส้นใช่ไหมค่ะ" ด้วยความมีสติอยู่บ้างจึงบอกไปว่า " มีเงินในกระเป๋ากางเกงอีก ซึ่งตอนนั้นจำได้แม่นว่ามีจำนวนเท่าใด"(แต่ตอนนี้ระลึกความทรงจำ ไม่อาจจำได้แล้ว)เงินเกือบสูญไปละ เพราะเงินที่มีนั้นมันไปอยู่ในถังขยะพร้อมกับกางเกงวอร์มที่ถูกตัดไปก่อนหน้านั่นนั้นเอง ย้อนทบทวนก็น่าเสียใจ และต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคุณพยาบาลที่ปอยแสดงอาการไม่น่ารักออกไป เพราะเขาก็ทำตามหน้าที่ ปอยต้องกราบขอโทษจริงๆ นะคะ ปอยเองก็ได้แต่ระลึกถึงเสมอเท่านั้น แม้ว่าหลายคนจะบอกว่ามันเป็นหน้าที่ และเราก็เจ็บแผลมากเลยพลั้งไปก็ตาม
หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้น ปอยถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่เข้ามาแกะดูบาดแผล และเวลาต่อมาปอยถูกปฏิเสธการรักษา แม่ปอยอยู่ในสภาพที่ยังตื่นตระหนก อิดโรย และเหนื่อยอ่อนมาก แม่สวมชุดนอนและรองเท้าแตะที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน เหตุผลที่โรงพยาบาลให้มาคือ เครื่องมือไม่พร้อม แม่ต้องพาออกมาจากโรงพยาบาลนั้น ไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด เข้าผ่าตัด กว่า 5 ชั่วโมง พักรักษาตัวอยู่ 2 วัน กับการทานยาแก้ปวดและล้างแผลไปวันๆ รอห้องผ่าตัด อาของปอยขึ้นมาจากกรุงเทพฯด้วยความเป็นห่วง แม่และอาตัดสินใจพาตัวปอยย้ายไปรักษาตัวที่เชียงใหม่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ระยะเวลาในการรักษาเกือบ 3 เดือน ด้วยอาการกระดูกขาขวาหัก เข้าเฝือกไป ร่วมเดือนผลเอ็กซเรย์ออกมากระดูกไม่ติดกันเพราะเก่ยกันอยู่จึงต้องผ่าตัดและดามเหล็กเย็บไป 14 เข็ม กล้ามเนื้อส่วนต้นขาถูกบดเละหายไปบางส่วนทำให้ขาซ้ายส่วนปลายใต้เข่าลงไปไม่สามารถควบคุมได้และเน่าตายในเวลาต่อมา .............. ประมาณว่า ขาตายไปก่อนตัวน่ะเอง (มันตายตั้งแต่อยู่ที่เชียงรายแล้วล่ะ)มาถึงเชียงใหม่ก็ต้องตัดสถานเดียว

มาถึงขั้นตอนการล้างแผลก็ล้างแผลสด ไม่มียาชาหรือตัวช่วยใดๆ มีแต่ใจที่ข่มไว้เท่านั้น ปอยใช้เทคนิคพิเศษ จะนำไปใช้บ้างก็ไม่ว่ากัน ปอยจะกัดฟันเอาไว้ มือจับเตียงให้แน่น และบอกว่าไม่เจ็บทนไหวในจังหวะที่น้ำยาเบต้าตีนราดลงไปที่แผล และช่วงเวลาเหล่านั้นก็ผ่านไป จนใครๆ ให้สมยานามปอยว่า "หญิงเหล็ก" ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไม มีผิดคิวด้วยนะ แบบว่า เม้าส์กระจายทั้งผู้ช่วยทั้งคนไข้ต่างลืมตัว ผู้ช่วยก็ราดแผลอีตอนที่ปอยอ้าปากโม้อยู่พอดี เสียงกรี๊ดนี้ดังสนั่น มันเกิดอะไรขึ้น ผู้ช่วยและพยาบาลข้างนอกชะโงกหน้ามาดูที่กระจกตรงประตู
พอทำแผลเสร็จ ฮาจะตาย นั่งขำกะพี่บุรุษพยาบาล ว่าวันนี้ปอยออกคอนเสริ์ต กรี๊ดซะดังลั่น หลังจากร่างกายสร้างเนื้อเยื่อและรักษาตัวเองใกล้หายดี ทางโรงพยาบาล นำรูปโพราลอยด์มาให้ปอยดูถึงบางอ้อ รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงบอกว่าปอยเป็น"หญิงเหล็ก" ก็แผลมันลึกไปถึงชั้นกระดูกและเอ็นเลยแผลกว้างมาก น่าอัศจรรย์กับการเยียวยาของร่างกายมนุษย์ที่ถูกสร้างมาได้เจ๋งจริงๆ และได้รู้ถึงอิทธิพลของอำนาจจิตที่มีพลังยับยั้งความเจ็บปวดได้มากถึงเพียงนี้ (ปอยได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีนี้มาให้ศึกษากันด้วยลองอ่านดูนะคะ)
อำนาจจิตข่มเจ็บปวด ฤทธิ์เท่ามอร์ฟีนอย่างแรง
นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯกล่าวว่า มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ยืนยันอย่างแข็งแรงว่า ใช้อำนาจจิตข่มดับความรู้สึกเจ็บปวดได้ มีอานุภาพไม่แพ้มอร์ฟีน ดับความรู้สึกเจ็บทรมาน และยังถ่วงสมองบางส่วนที่มีหน้าที่สั่งให้เกิดความเจ็บปวดเพลาลงด้วย
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเวค ฟอร์เรสท์ กล่าวว่า พบในการศึกษาว่าแค่เพียงแต่นึกให้เจ็บปวดน้อยลง ก็ทำให้มันเกิดเป็นจริงได้
ดร.โรเบิร์ต คอกฮิลล์ กับคณะ รายงานผลการศึกษาในวารสารวิชาการ “สมาคมวิทยาศาสตร์อเมริกา” กล่าวว่า จากการศึกษาทดลองกับอาสาสมัครที่มีรูปร่างแข็งแรงปกติ โดยใช้ของร้อนๆแตะที่ขา เพื่อให้เกิดความเจ็บปวด แต่ไม่ร้อนจนเป็นอันตราย พร้อมกับใช้เครื่องตรวจสมองด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูง ตรวจดูปฏิกิริยาของสมองไปด้วย
ดร.คอกฮิลล์กล่าวว่า เมื่อใดที่พวกเขาคาดหวังว่า จะถูกของร้อนแต่น้อย ก็จะเกิดความรู้สึกเจ็บปวดน้อยไปด้วย ความคาดหวังเช่นนี้ ช่วยให้ความรู้สึกเจ็บปวดลดลงได้มากถึง 28% ฤทธิ์เท่ากับได้ฉีดมอร์ฟีนอันเป็นยาระงับปวดอย่างแรงทีเดียว ขณะเดียวกัน สมองซึ่งมีส่วนสำคัญในการรับความรู้สึกและอารมณ์ก็เพลาปฏิกิริยาลงไปด้วย
เขาชี้ว่า “ความรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้เกิดจากสัญญาณ ที่มาจากร่างกายส่วนตรงที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด ยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียวจึงไม่พอจะระงับความเจ็บปวดได้ เนื่องจากสมองสามารถจะสร้างความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาได้ และเราก็อยากจะหาทางใช้พลังนี้ให้เป็นประโยชน์ขึ้น”
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปีที่ 56 ฉบับที่ 173978/9/2005

01 เมษายน 2552

(ชีวิต 2 เด้ง)ตอนขาคนมะช่ายหางจั๊กกิ้ม

ชีวิต 2 เด้ง
ปอยว่านะ ไม่มีใครโชคดีอย่างปอยได้บ่อยๆ นักหรอก
ทำไมน่ะเหรอ อ้าว! ก็ลองคิดดูสิ ในหนึ่งชีวิตของเราจะแสดงได้สักกี่บทบาทกัน
ปอยมีโอกาสได้เป็นทั้งคนปกติ และ คนพิการ ได้เรียนรู้ความต่าง และสังคมที่หลากหลาย
ไม่ง่ายนะ ที่จะปรับตัวแต่ไม่ยากที่จะยอมรับ

วันแรกที่ปอยรู้ตัวว่าต้องตัดขา สิ่งแรกที่ปอยคิดก็คือ ชีวิตเป็นของเรา อย่าเศร้า อย่าเสียใจ ร้องไห้ไปก็เท่านั้น มันจะไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าเราจะเข้มแข็ง และแบ่งกำลังใจให้คนรอบข้าง สร้างความเข็มแข็งให้จิตใจ ไม่อ่อนแอน่ะ เพราะถ้าเราอ่อนแอ แม่เรา พี่ชายเราและญาติพี่น้อง คนรอบข้าง ก็พาลหดหู่ไปหมดไม่ทำใจให้หมองมัวเศร้ากับสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ ไม่ได้อวดเก่งนะ แต่ไม่มีน้ำตาออกมาจากเหตุที่สูญเสียขานี้หรอก
ไม่มีทาง ด้วยสโลแกน "ขาคนไม่ใช่หางจิ้งจก ร้องไห้ให้น้ำตาท่วมโลกขามันก็ไม่งอกใหม่ได้หรอก"
จำได้ว่า พอคุณหมอบอกว่า "คงต้องตัดขานะครับ" ปอยก็รับคำและรับรู้ ก็แค่นั้น รอวันเข้าห้องผ่าตัด

มีเรื่องน่าขันเล่าให้ฟังด้วยนะ ตอนเข้าผ่าตัดน่ะ จำได้ว่า วิสัญญีแพทย์เข้ามาบล็อกหลัง ไอ้เราก็เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีหรือเปล่าม่ะรู้นะ แต่เจอใครเราก็อยากสัมภาษณ์พูดคุยกะเค้าไปทั่ว

"คุณหมอคะ คุณหมอทำงานนี้มากี่ปีแล้วคะ", "เหนื่อยไหมคะ ยากหรือเปล่า", "คุณหมออายุเท่าไร" ,"ยังดูสวยไม่ค่อยแก่เลยนะคะ" และก็อื่นๆๆ อีกมากมาย จบท้ายด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา และหยุดเม้าในเวลาต่อมา เพราะยาออกฤทธิ์ คิดแล้วก็ขำ มันจ้อได้ไง ไม่สนใจเลยหรอว่า หมอเค้าจะทำอะไรกะขามั้ง.................. รู้ตัวอีกครั้ง ถูกบดบังทัศนียภาพของห้องผ่าตัดอันแสนแปลกตา ด้วยผ้าเขียวผืนหนึ่ง ยังเห็นแสงลอดผ่านอยู่รำไร กะเสียงอะไรที่ตามมาอยู่หลังผ้าเขียวผืนเดิม
คืด คาด ๆ ๆ ๆ (ไส่เสียงเอฟเฟ็กถูกอ่ะเปล่าเนี้ย เอาเป็นว่า เสียงนั้นก็คือ เสียงเลื่อยน่ะเอง)
คุณหมอเค้ากำลัง เลื่อยกระดูกขาเราอยู่น่ะสิ (รู้สึกตัวเป็นระยะนะ) ตอนนั้นยังไม่เจ็บหรอก ยายังสำแดงฤทธิ์อยู่ จากนั้นก็รักษาไปตามสเต็ป (โปรดติดตามตอนต่อไป)

ภาษาวันละคำวันนี้เสนอคำว่า จั๊กกิ้ม
จั๊กกิ้ม เป็นคำเมือง (ภาษาเหนือ) หมายถึง จิ้งจก