22 ตุลาคม 2552

ทำอย่างไรเมื่อคุณคิดฆ่าตัวตาย (หนทางที่จะนำไปสู่ความรอด)

วิธีฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่จะฆ่ายังไง ให้จิตและวิญญาณไปสู่ความรอดนี่สิ สำคัญ
เรามาดูกันว่า จะทำอย่างไร

เริ่มด้นด้วยการเตรียมกระดาษ กับ ปากกา สักด้ามหนึ่ง
1. ให้คุณใช้ปากกาด้ามนั้นเขียนบรรยายความรู้สึกทุกอย่าง ที่มันล้นอยู่ในจิตใจของคุณ
เขียนออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้(นี่แค่เริ่มต้น อย่าเพิ่งเขียนข้อความสั่งเสีย ยังไม่ถึงเวลา)
2.  ถ้าอยากร้องไห้ก็ขอให้ร้องไห้ให้มันสุดๆ อย่าหยุดที่จะร้องไห้ ถ้าในขณะจิต นั้นคุณอยากร้องไห้
3.  เมื่อคุณเขียนความในใจของคุณมากพอ มากจนคุณไม่รู้จะเขียนอะไร หรือ ไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะเขียนแล้วขอให้พัก  และวางปากกาของคุณลง
4.  เมื่อคุณร้องไห้แทบเป็นสายเลือดจนไม่มีแม้น้ำตาจะให้หลั่งไหลมาได้อีก

จากนั้น  หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้า ช้า ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะรู้สึกสงบลง หยุดคิดทุกอย่าง ในสถานการณ์ที่คุณอยู่ อาจกดดันคุณอยู่ก็จริง แต่หากคุณไม่อาจหนีจากปัญหา หรือ สิ่งที่กดดันคุณได้ ก็ขอให้ใจคุณพัก ละ วาง ปัญหานั้นไว้ก่อน

5.  ให้คุณอ่านข้อความในกระดาษนั้นอีกครั้ง ในช่วง วันเวลาอื่น ที่คุณสบายดี ไม่ทุกข์อะไร แต่การอ่านครั้งนี้ ให้คุณเตรียมกระดาษเปล่ามา 2 แผ่น
6.  แผ่นหนึ่งให้คัดลอกข้อความ หรือ คำที่คุณเขียนออกเป็นข้อๆและเขียนหัวกระดาษแผ่นนั้นว่า อดีต
7.  นำกระดาษเปล่าอีกแผ่นที่เตรียมไว้ มาเขียน ข้อความ หรือคำ ที่มีความหมายตรงกันข้ามกับกระดาษแผ่นที่เขียน หัวกระดาษว่า อดีต
8.  จากนั้นเขียนหัวดาษ (ที่มีข้อความตรงกันข้าม) ว่า ปัจจุบัน
9.  จากนั้น ให้คุณตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยใจที่ตั้งมั่น บอกกับตัวเองว่า ฉันอยู่ในปัจจุบัน ฉันเป็นอย่างปัจจุบัน และให้อ่านข้อความในแผ่นปัจจุบันนั้น (สิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไปแล้ว นี่แหละเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น) อย่าจมอยู่กับสิ่งเก่าแล้วเริ่มต้นใหม่ เถอะค่ะ ตัวอย่างเช่น

อดีต                                           ปัจจุบัน
1.  ฉันมันโง่                               1.  ฉันไม่โง่หรอก
2.  ฉันขี้ขลาด                            2.  ฉันกล้าหาญ
3.  ฉันมันเลว                             3.   ฉันนั้นแสนดี
4.  ฉันมันคนชอบโกหก             4.   ฉันเป็นคนจริงใจ

ฯลฯ
10.  ขั้นตอนนี้สำคัญ ให้คุณ เอาปากกาด้ามที่คุณใช้ ฆ่า ข้อความ ในกระดาษ อดีต ทีละข้อ และฆ่าทิ้งให้หมด อย่าให้เห็นข้อความนั้นอีก
11.  เก็บกระดาษ ปัจจุบันของคุณเอา นั้นละ ชีวิตใหม่ ของคุณ
12.  สิ่งสำคัญ คุณต้องฆ่าความคิดที่ติดลบ และ อคติ ในชีวิตคุณทุกๆข้อ ฆ่าให้หมด และอย่าสร้างใหม่ ถ้าจิตใจของคุณเริ่มสร้างข้อความแห่งอดีต ซ้ำขึ้นมาใหม่ แสดงว่า คุณกำลังกลับไปอดีต (คุณจะทำร้ายตัวเองอีกทำไม ใครๆ ต่อใครมากมาย ทำอะไรกับคุณ มันยังไม่เท่าตัวคุณเอง ทำร้ายตัวเอง ยังเจ็บไม่พอหรือ ยังทุกข์ไม่พอหรือ
13.  ให้ชีวิตของคุณอยู่กับ ปัจจุบัน และ กล้าหาญเถิด อย่าหวาดกลัวเลยเพื่ออนาคต ที่คุณจะมีชีวิตใหม่ และได้รับความรอด ทั้งร่างกายและจิตใจ

ข้อแนะนำ : ถ้าทำอย่างขั้นตอนที่กล่าวมาแล้ว ยังไม่สำเร็จ ขอให้โทรมาที่ 02-713-6793
ข้อมูลเพิ่มเติม ลิงก์http://samaritansthailand.blogspot.com/2009/05/blog-post.html

19 ตุลาคม 2552

วันแรกของการเรียน สร้างเว็บไซต์

19/10/09
เริ่มเรียน สร้างเว็บไซต์เป็นวันแรก
อาจารย์เน้นเนื้อหา ความรู้ขั้นพื้นฐาน อาทิ
เว็บไซต์คืออะไร
การจดทะเบียน และ ค่าใช้จ่าย
โปรแกรมที่ต้องใช้
ศัพท์ที่ควรทราบ เช่น html คืออะไร URL คืออะไร
ความต่างของคำว่า เว็บไซต์ เว็บเพจ โฮมเพจ เว็บบราวเซอร์
สกุลดอท ต่างๆ หมายความว่าอย่างไร
การออกแบบโลโก้
การออกแบบเว็บไซต์
โทนสีที่ใช้
การนำรูปภาพหรือข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาใช้
การละเมิดลิขสิทธิ์
การหาความรู้เพิ่มเติมผ่านgoogle


ประมาณนี้ส่วนรายละเอียดการเรียน
อยากรู้ต้องลองมาลงเรียนกันดูนะจ๊ะ

หวังไว้ในใจว่า ถ้าเรียนจบหลักสูตร จะสร้างเว็บไซต์ของตนเองได้
และจะได้มาทำบล็อกให้มันดูดีกว่านี้หน่อย
คือรู้สึกว่า แค่พิมพ์บทความ โพสต์รูป ที่ไม่มีการตกแต่งภาพใด ๆ ดูบ้านๆ ไงม่ะรู้
อยากสวยอ่ะ

โปรดติดตาม
อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดในบล็อกOneleg
เร็วๆ นี้ (Coming Soon) จ้า

การสร้างเว็บไซต์ กับ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 14/10/ 09 ที่ผ่านมาได้ไปลงทะเบียนเรียน
การสร้างเว็บไซต์ ที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จังหวัดเชียงใหม่มา
ชำระค่าเรียน ไป 1,000 บาท (30 ชั่วโมง)
จะเริ่มเรียนตั้งแต่วันที่ 19 - 30 ต.ค. 2552 เวลา 17.30 - 20.30 น.
http://home.dsd.go.th/cmskill/varasan.htme.dsd.go.th/cmskill/varasan.htm

ในวันนั้นคนมาลงทะเบียนกันหนาตามาก
ห้องลงทะเบียนก็สุดแสนจะคับแคบ
มายื่นออกันอยู่ที่ประตู เปิดเข้าไปพบกับอะไรกันเนี้ย (อ่ะนะ อบอุ่นซะ)
เลยถามเจ้าหน้าที่ว่าทำ ไม่ตั้งโต๊ะลงทะเบียนด้านในหรอค่ะ
เปิดประตูเข้าห้องมาจะได้เดินไปต่อแถวได้สะดวก
เจ้าหน้าที่บอกว่า " อ๋อ ไม่ได้หรอกค่ะ ด้านในเป็นเขตห้ามเข้า "

ถ้าเช่นนั้น คับแคบนัก และสงวนสิทธิ์การย่างกายถึงเพียงนี้
น่าจะเอาโต๊ะไปลงทะเบียนหน้าอาคารให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะคะ
(ปลอดโปร่งโล่งสบาย ไม่จำกัดพื้นที่ ขอบเขตที่ห้ามล่วงล้ำดี)
เปล่าประชดนะคะ แนะนำอ่ะค่ะ ปราถนาดีจริงๆ นะ


หลังจากชำระเงิน ใบเสร็จรอวันเข้าเรียนเลยนะคะ
อยากจะบอกว่า ใบเสร็จชั่วคราว ที่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ก็ไม่มีหรอคะ
อย่างนี้ถ้าหาก ชีสแผ่นที่ลงชื่อลงทะเบียนและชำระเงินนั้นหายไป
นักศึกษาผู้เข้าเรียนจะเอาหลักฐานที่ไหนมายื่นยันอ่ะเนี่ย
เพื่อนหลายคนก็คิดเหมือนกัน แต่ ทำไงได้มันเป็นธรรมเนียมปฎิบัติ

ระบบราชการเค้าต้องทำงานกันอย่างอาหารจานพิเศษหรอคะ
จะทำอย่างอาหารจานด่วน หรือ ออเดิฟ ไม่ได้หรอคะเนี้ย

แต่ไม่เป็นไรค่ะ เชื่อใจๆๆ แต่วัวหายแล้วรอบคอก ดูจะไม่ดีนะคะ
กันไว้ดีกว่าแก้ แค่การจัดการง่ายๆ เอง
หรือมันเกี่ยวกับงบประมาณหรือเปล่าค่ะ
อืม  ได้ยินบ่อยๆ ขาดงบประมาณ อ่ะไรอย่างเนี้ยน่ะค่ะ
ถามด้วยความสงสัยนะคะ ไม่ได้พาลใคร หรือกล้าวิจารณ์การทำงานของหน่วยงานรัฐ
(นี่ขนาดไม่กล้า นะ ปากคอ ร้ายจริงๆ เลยเรา)

คือเป็นคนตรงไป ตรงมา น่ะค่ะ
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
ข้อความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล
หากทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดหมองใจ โปรดเมตตาอภัยด้วยนะคะ

แต่ดีใจอยู่นะ ค่าเรียนไม่แพง และ คุณภาพหลักสูตรและการสอนดี
เรื่องเล็กๆ เหล่านั้น อนุโลมละกัน

ถอดรหัส เครื่องมาตราฐาน

วันนี้(20/10/09)เข้าไปอ่านhttp://tatrionline.blogspot.com/
แล้วก็ทำให้นึกถึงเครื่องหมายมาตราฐานขึ้นมา น่าคิดว่ามันน่าจะทำให้เกิดอะไรกับทุกๆ ผลิตภัณฑ์ที่นำเครื่องหมายนี้ไปใช้หรือเปล่า

จากข้อมูลเบี้องต้น เครื่องหมายมาตราฐานนั้นมี 2 ลักษณะ ได้แก่

เครื่องหมายมาตราฐานทั่วไป
เครื่องหมายมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ (มอก.)
ถ้าหาก ลูกศร และ ทิศทางหมายถึง
อดีต - ปัจจุบัน- อนาคต
แล้ว ลูกศรที่ชี้ขึ้นทั้งบน ลง ทั้ง ล่างจะหมายความว่าอย่างไร สงสัยจัง
อยากให้ผู้รู้ช่วยวิเคราะห์และอธิบายเป็นกรณีศึกษา จริงๆ ค่ะ



เครื่องหมายมาตรฐานบังคับ
แล้ว วงกลมล้อมรอบจะหมายถึงการไม่สิ้นสุดหรือเปล่า(จะเหมือนอย่างแหวนแต่งงานของคริสเตียนหรือเปล่า ที่ต้องใช้แหวนที่มีลักษณะกลมเกลี้ยง ไม่มีรอยต่อ เชื่อมต่อกันสนิท สื่อถึงความรักที่ไม่มีสิ้นสุด)

18 ตุลาคม 2552

ประมวลภาพ เมื่อครั้งไปเที่ยว "วัดร่องขุ่น"


ปรากฎสายรุ้ง บนม่านน้ำพุ



สวยงาม วิจิตร ตระการตา


รูปเนี่ย ถ่ายตอนตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนกว่าล่ะ
วัดร่องขุ่น เนี้ยปอยเคยไปเที่ยวมาแล้ว
เมื่อครั้งไปทำข่าวให้กับโครงการ Art for All
แต่สถานภาพครั้งนั้นยังโสด ตอนนั้นประมาณ ปี 48

แต่ตอนท้อง ประมาณปี49
ดูเหมือนห่างกันไม่กี่เดือน
แต่ดูสภาพแล้วเหมือนหลายปี
look คนละคนกันเลย
55555 จริงๆ นะ

น้ำตกภูซาง จ.พะเยา

ปอยได้ไปทำข่าว เผยแพร่กิจกรรมของ"โครงการ Art for All "
ที่จังหวัดพะเยา ได้ไปเที่ยวน้ำตกภูซางด้วย
ได้ไปว่ายน้ำ เป็นครั้งแรก หลังจากที่ปอยพิการ มาเกือบ 10 ปี

ปอยไม่นึกเลยนะว่า มีขาข้างเดียวแล้วจะว่ายน้ำได้ สนุก มีความสุขมากเลย
ลงไปว่ายน้ำ กับเพื่อนคนพิการอีกคน เธอพิการแขน 1 ข้าง
สนุกจริงๆ น้ำใสไหลเย็น ธรรมชาติสวยงาม สงบ สะดวก  สะอาดดี

แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา น่าเสียดาย
แต่จะจดจำไว้ไม่รู้คลาย เลย

ช่วงแบเบาะ

รูปเจแปนตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิดนะ
อายุ ก็ประมาณ เดือนกว่า 2 เดือน ได้ล่ะมั้ง
แก้มยุ้ย เลยใช่ม๊า

นี่แหละๆๆ ลูกชายของปอยเอง น่าเกลียด น่าชังป่ะเปล่าจ๊ะ
ตามประสาลูกคนแรกอ่ะนะ

ขาเทียมข้างนั้น

ขาเทียมข้างนั้น ปอยจำไม่ได้แล้ว ว่ามันเป็นขาข้างที่เท่าไร
จำได้แต่ว่่า สถานที่ ที่ถ่ายรูปนี้ คือ สถาบันแมคเคนเพื่อการฟื้นฟูสภาพ จ.เชียงใหม่http://www.mckeanhosp.org/
ประมาณปี 2547 เห็นจะได้ ปีนั้นเป็นปี ที่ปอยเดินทางไปทำขาเทียมด้วยตนเองครั้งแรก
เดินทางจากอำเภอแม่สาย ด้วยการโดยสารรถประจำทาง ถึงเชียงใหม่ ก็ไม่มีที่พักที่ไหน โชคดีว่าเคยรู้่จักกับเพื่อนคนพิการคนหนึ่ง บนรถเมล์เมื่อนานมาแล้ว เขาชื่อเก้าลิ่น ปอยทักหลังจากที่เห็นเขาใช้ไม้เท้าก้าวขึ้นมา จากการพูดคุยทำให้ปอยรู้จักสถาบันแมคเคนฯ เป็นครั้งแรก ในเวลานั้นรู้แต่เพียงพอที่นั้น คือ โรงพยาบาลที่รักษาและดูแลคนพิการเท่านั้นเอง

พอไปถึงเชียงใหม่ลงจากรถเมล์เดินไปที่คิวรถสองแถว(ป่ากล้วย) เพื่อไปสถาบันแมคเคน ตั้งใจจะไปหาที่พัก ซึ่งที่พักที่นั้นเป็นบ้านหลังเล็กๆ (น้าพยาบาลคนหนึ่งเรียกว่าบ้านตุ๊กตา) น้าเค้าบอกผ่านมาตามสายโทรศัพท์น่ะ พอมาเห็น อืม สมชื่อนะ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีที่ว่างหน้าห้องน้ำไว้แต่งตัว มีโต๊ะอาหาร ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน สำหรับ 1 ท่าน  อยู่ 2 เตียง เป็นที่พักที่มีพร้อม สะดวก ประหยัด ห้องพักสะอาด เป็นสัดเป็นส่วนดี ราคาห้องพักตอนนั้น คืนละ 100 พร้อมอาหาร 3 มื้อ ปัจจุบัน เค้าปรับปรุง ติดมุ้งลวด มีโทรทัศน์ ตู้เย็น กระติกน้ำร้อน ให้ด้วย ส่วนราคา ..... ไม่แน่ใจ ต้องโทรไปถามอัพเดทกันเองนะจ๊ะ ส่วนรูปบ้าน (เอาไว้จะแอบถ่ายมาให้ชมนะจ๊ะ) ถึงแม้ว่าจะสร้างมาหลายสิบปี แต่ก็น่าอยู่และย่อมเยากว่าพักโรงแรมมากเลยนะ ขอบอก

ไปพักที่นั้น ปอยได้เจอเพื่อนคนพิการใหม่ๆ เยอะเลย นี่แหละมั้งคือผลพลอยได้จากการก้าวออกจากบ้านครั้งใหม่ของปอยน่ะ

ปอยเคยใฝ่ฝันนะ ว่าปอยอยากเดินทางท่องเที่ยวแบบสพายเป้ นั่งรถไฟ ต่อรถเมล์ เดินย้ำเท้าไปไหนต่อไหนลำพังตัวเองสักครั้ง แล้วก็สมใจนะ ปอยนั่งรถไฟ ไปหาคุณย่าที่สระบุรี ลงหัวลำโพง แล้วต่อไปหนองแซง ง่วง เหนื่อย มันส์ สนุก ระหว่างการเดินทาง ทางรถไฟ ปอย คุยกะผู้โดยสารไปทั่วแหละ นั่งชั้นสามไป สนุกดี นั่งๆอยู่พอลุกไปเข้าห้องน้ำกลับมาที่นั่งหาย 555 ก็เลยนั่งหน้าห้องน้ำซะเลย ใกล้ รวดเร็ว สะดวก และเหม็น ก็อ่ะนะ ไม่มีน้ำนี่นา ธรรมดาต้องมีกลิ่นกันบ้าง

การเดินทางไปทำขาเทียมครั้งนั้น เป็นประสบการณ์ที่ดีและเป็นจุดเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนขอชีวิตเลยนะ ทำไมน่ะหรอ

เอาไว้จะทยอยเล่าให้ฟังนะจ๊ะ

ความจริง กับการเป็นอาสาสมัครของฉัน

ความหมายของคำว่า "อาสาสมัคร" 

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อาสาสมัคร (volunteer) หมายถึง ผู้ที่สมัครใจทำงานเพื่อประโยชน์แห่งประชาชนและสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นเงิน หรือสิ่งอื่นใด บุคคลที่อาสาเข้ามาช่วยเหลือสังคมด้วยความสมัครใจ เสียสละ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ป้องกัน แก้ไขปัญหาและ พัฒนาสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

อ่านต่อเพิ่มเติม
http://th.wikipedia.org/wiki/อาสาสมัคร

ทุกคนมีเหตุผลและความต้องการส่วนบุคคลที่จะคิดจะทำอะไรก็ได้ ตามใจประสงค์ของตนเอง อย่างการเป็น"อาสาสมัคร" ตามความหมายข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า บุคคลที่เป็นอาสาสมัครนั้น เป็นผู้ที่เสียสละ มากถึงมากที่สุด ยิ่งในสภาพสังคมที่เลวร้ายขึ้น ผู้ที่เสียสละทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทนท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ การเงินทั้งโลก ที่ดูแสนจะฝืดเคืองเช่นนี้ เป็นคนดีที่น่าสรรเสริฐและยกย่อง หากอาสาสมัครนั้นทำงานด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ จะร้อยทั้งร้อย หรือ 1 ในร้อย ก็ขอให้มีอยู่ในสังคมเถิด

          ที่กล่าวอย่างนี้ มิได้้มีจุดประสงค์คิดร้าย หรือ มองเจตนา อาสาสมัคร ในทางลบ แต่เพราะเคยประสบพบเจอมาแล้วกับตนเอง เพราะเมื่อก่อน ปอยเคยคิดอยากจะเป็นอาสาสมัคร ช่วยเหลือ เพื่อนคนพิการคนอื่นๆ หรือใครก็ได้ที่เค้าอยากให้ช่วยด้วย (แต่ปอยรู้ตัวเองดีว่า การอยากเป็นอาสาสมัครในเวลานั้นปอยทำไปเพื่อต้องการสร้างคุณค่าในตนเอง และ เพื่อความสุขส่วนตัว ทำแล้วมีความสุขเลยอยากทำ)
          แต่แล้วก็พบกับความจริงบางอย่างว่า ผู้ที่เป็นอาสาสมัคร หรือ องค์กรการกุศล ที่ประกอบกิจกรรม กิจการสาธารณะประโยชน์บางราย ขอย้ำว่า บางรายเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ความจริง ไม่ใช่เพื่อสาธารณะเสมอไป ในที่นี้ ขออภัยองค์กรการกุศลทุกองค์กร หากข้อความในหล็อกนี้ไม่ว่าจะตอนหนึ่งตอนใดหรือทั้งหมดจะทำให้คุณๆ เสียความรู้สึก หรือขุ่นข้องหมองใจ โปรดให้อภัยด้วย เพราะปอยก็ไม่ปราถนาที่จะให้เกิดข้อพิพาท ฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทแต่อยากบอกเล่าบางสิ่งแก่สังคมเท่านั้น หากคุณหรือใครไม่ได้เป็น ก็ไม่เห็นต้องเดือดเนื้อร้อนตัว เพราะอาสาสมัคร คนดีจริง บริสุทธิ์ใจจริง ก็ยังมีอยู่ในสังคมอีกมากจริงๆ

          ปอยจำจนฝังใจกับใครคนหนึ่ง ที่อ้างตัวเองว่าเป็นอาสาสมัคร ช่วยเหลือคนพิการ เขาได้รับความชื่นชมจากสังคมมากมาย ได้ความช่วยเหลือ สนับสนุนกิจกรรมการกุศลของเขา จนกิจกรรมก้าวหน้า กลายเป็นกิจการที่สร้างรายได้และเงินทองสรรหาทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์มากมาย ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ปอยพบเขา ปอยเข้าไปพบและพูดคุยกับเขาด้วยใจศรัทธา และเชื่อเหลือเกินว่า ชายผู้นี้เป็นคนดีที่น่าชื่นชมและเป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นผู้ที่น่าจะสานฝัน การเป็นอาสาสมัคร และร่วมช่วยเหลือคนพิการและสังคมร่วมกัน

          ปอยบอกเขาว่า ปอยอยากทำโครงการขึ้นมาสักโครงการหนึ่ง เป็นโครงการที่กระตุ้นให้คนพิการหันมาพึ่งพาตนเอง และ พัฒนาตนเอง เพื่อที่ให้เขาเหล่านั้นมีชีวิตใหม่ กล้าที่จะออกมาสู่โลกภายนอก ออกจากกรอบชีวิตที่จำกัด มาเป็นคนพิการที่ร่วมสร้างสรรค์สังคมที่ดีร่วมกัน ปลดแอกจากการเป็นภาระสังคมมาเป็นหนึ่งในพลเมืองของโลกที่มีประโยชน์ อย่างน้อยที่สุด ขอแค่ช่วยเหลือตนเองได้บ้าง และ ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ สร้างความเข้มแข็งให้กับตนเอง ผนึกกำลังกันขึ้น ให้เราอยู่รอดได้ในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และการดิ้นรน (เพราะด้วยอุปสรรคทางร่างกาย เป็นข้อจำกัดแรก ที่เราผู้พิการต้องมีแรงผลักดันและกำลังขับเคลื่อนที่มีแรงม้า มากว่าคนปกติทั่วไป )

แต่คุณรู้ไหม ชายคนนั้น ตอบกับปอยว่าไง "ไม่เห็นต้องทำอะไรอยู่บ้านไป ไม่เห็นต้องดิ้นรนอะไร สังคมก็คอยช่วยเหลืออยู่แล้ว" ฮึๆๆๆ อยากรู้เบื้องหลังไหม ถ้าคนพิการในสังกัดองค์กรของเขาช่วยเหลือตนเองได้ ก็ไม่มีใครเขาสงสาร สงเคราะห์เงินทองให้อีกแล้ว ทีนี้ คนดีที่ปกติก็ต้องไส้แห้งตาย เพราะคนพิการหันมาขนขวายช่วยเหลือตนเอง

ในทัศนะของปอยนะ คนพิการมีความรุนแรงของความพิการไม่เท่ากันนะ หลายคนพิการรุนแรงมากจนไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้ แม้แต่จะลุกจะนั่ง จะขับถ่าย จะกิน จะนอน ทำอะไรไม่ได้เลย อย่างนี้ความเมตตา สงสารไม่พอหรอก เราต้องให้ความช่วยเหลือเขาและครอบครัวของเขาด้วย เพราะถ้าครอบครัวคนพิการลำบาก มันก็ยากที่จะหาความสบายแก่ชีวิตคนพิการในครอบครัวนั้นได้ จริงไหมคะ

แต่การที่ปอย อยากให้คนพิการที่อยู่แต่ในบ้านเปลี่ยนแปลงตนเอง การปลุกระดมให้เขาหาญกล้า ออกมาสู่สังคมภายนอก ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะปอยเชื่อว่า ชีวิตนี้ต้องดีกว่า มันมีอะไรอีกเยอะ ที่ทำให้คุณคนพิการและครอบครัว มีความสุขขึ้นมาได้ จริงๆ นะ ปอยเจอมาแล้วกับตัวเอง มันดีกว่า และมันดีขึ้นจริงๆ กับการเปลี่ยนแปลงชีวิต ทัศนคติ จากทางลบมาเป็นบวก (มันไม่ง่ายที่จะเริ่มต้น และต้องใช้ความมานะอดทนสูง ) จริงๆ ก็แอบท้อบ้าง เหนื่อยบ้างเหมือนกัน แต่ผลแห่งความพยายาม มันนำมาซึ่งความชื่นชมยินดีจริงๆ นะ

          แต่ในงานอาสาสมัคร ปอยก็ได้เจอทั้งอาสาสมัครจอมปลอม และ อาสาสมัครจริงๆ เยอะเหมือนกันนะ อย่างโครงการ Art for All ที่ปอยเคยไปทำข่าว ตอนที่เป็นดีเจอยู่ที่คลื่น 106.75 Pinkradio นั้นไง สนุก และมีความสุขมาก ชื่นชมเพื่อนคนพิการที่เขาเป็นอาสาสมัครเต็มตัว เขาเหล่านั้นเป็นเหมือนต้นแบบ แบบอย่างที่ดี ที่ปอยศรัทธาจริงๆ รวมไปถึง อาจารย์จากฐุฬา คณะศิลปศาสตร์ ทุกท่าน ที่ปอยได้ร่วมสนทนา สัมภาษณ์พูดคุยในวันนั้น (แม้จะนานมากแล้ว แต่ก็ยังประทับใจในความร่วมมือ ของท่านทั้งหลายจริงๆ ) ทั้งโครงการศิลปะ ที่จังหวัดพะเยา หรือแม้แต่โครงการที่มาจัดที่ อำเภอแม่สาย  คณะครู อาจารย์ ให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือกันอย่างดี หวังเสมอว่า ขอให้โครงการดีๆอย่างนี้ต่อไป และมีคนดีๆ ที่มีใจกุศล ให้มีทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และความสุข มีพลังที่จะช่วยเหลือสังคมดีๆ ต่อไป

และก็หวังว่า คนดีในสังคมจะไม่ยอมแพ้หรืออ่อนแอกับอุปสรรคนานับประการ ขอให้คนพาลในคราบคนดีหมดไปจากโลก หรือ ไม่ก็ขอให้เขากลับตัวเป็นคนดีจริงๆ สำนึกในการกระทำบ้าง เลิกทำกุศลด้วยใจอกุศลสักที แล้วหันมาเป็นคนดีจริงๆ สร้างสังคมดีร่วมกัน เราจะได้มีอาสาสมัครที่มีใจบริสุทธิ์ ร้อยทั้งร้อยสักที

ขอเป็นกำลังใจให้กับอาสาสมัครบริสุทธิทุกคนนะคะ
สู้ๆค่ะ คุณเยี่ยมจริงๆ


       

ความเสมอภาคและความเมตตา เวทนา สงสาร

เราคงเคยได้ยินกันบ่อยครั้ง ถึงการเรียกร้องความเสมอภาคและเท่าเทียมกันของคนในสังคม มุมหนึ่ง เรียกร้องความเป็นธรรม ความเสมอภาค อีกมุมหนึ่งร้องขอความเมตตา เวทนา สงสารและเห็นใจ  แต่ดูมันจะไปด้วยกันไม่ค่อยจะได้นะ  ในนิยามของคำว่า เสมอภาค ในความคิดของปอย ปอยกลับมองว่า ในเมื่อคุณต้องความเสมอภาค คุณก็ต้องเป็นที่มีศักยภาพที่ดีมากพอจะแข่งขัน อย่างเช่น คุณต้องการมีงานทำ คุณก็ต้องรู้จักพัฒนาตนเอง เพื่อที่องค์กร หรือ หน่วยงานที่คุณสมัครจะได้เห็นความสามารถของคุณ คุณต้องพร้อมที่จะแข่งขันกับผู้สมัครงานคนอื่นๆ ที่อาจมีความเหนือกว่าคุณทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ หรือแม้แต่ร่างกายที่สมบูรณ์พร้อม (ซึ่งมันยากและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ต้องอดทนมาก) ดังนั้น หากคุณต้องการความเสมอภาค คุณต้องพร้อมที่จะต่อสู้ ในสนามนี้ ถ้าคุณอยากก้าวหน้่า อยากให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง คุณต้อง "กล้า" ไม่ใช่แค่กล้าธรรมดาแต่ต้อง "กล้าหาญ" อย่างมีศักดิ์ศรี แต่ถ้าคุณต้องการความเมตตาและเวทนา คุณคงหาศักดิ์ศรียากหน่อยนะ จริงไหม

15 ตุลาคม 2552

แฟ้มข่าว: พจนานุกรมภาษามือ ประโยชน์สำหรับคนพิการ

พจนานุกรมภาษามือ ประโยชน์สำหรับคนพิการ

« เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 10:19:02 am »
--------------------------------------------------------------------------------
พจนานุกรมภาษามือ

          เทคโนโลยีนับเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มโอกาสให้กับผู้พิการ
ซึ่ง “โปรแกรมประดิษฐ์พจนานุกรมภาษามือช่วยสื่อสารคนพิการทางหู” ผลงานของนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมคอมพิว เตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตภูเก็ต ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่มีส่วนช่วยให้ผู้พิการทางการได้ยินให้สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลทั่วไปได้

          นายอัมรินทร์ ดีมะการ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตภูเก็ต บอกว่า โครงการระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการเรียนรู้ภาษามือไทยหรือพจนานุกรมมัลติมีเดียภาษามือ เพื่อช่วยในการเรียน/การสอนในชั้นเรียนของผู้พิการทางการได้ยินของภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มอ. เขตการศึกษาภูเก็ต ที่พัฒนาโปรแกรมโดยนางสาวไพลิน พันธุ์ฉลาด และ นางสาวบุษรา สกุลสุจิราภา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศระดับนิสิต/นักศึกษา ในโครงการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอม พิวเตอร์แห่งประเทศไทย (National Software Contest : NSC) ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็ก ทรอนิกส์และคอม พิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ซึ่งการแข่งขันในระดับนี้ไม่ มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยใดได้รับรางวัลชนะเลิศ

          โปรแกรมดัง กล่าวจะช่วยผู้พิการ ทางการได้ยินให้ สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลทั่วไปได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้พิการทางหูและช่วยลดช่องว่างทางสังคม มีการพัฒนาให้สามารถใช้งานผ่านทางอินเทอร์เน็ตและมือถือ รวมไปถึงคอมพิวเตอร์ทั่วไป

          โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะแปล ข้อความภาษาไทยเป็นภาษามือ ช่วยสื่อการสอนภาษามือไทยสำหรับชาวต่างชาติได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ในระบบยังมีการสร้างท่าทางภาษามือไทยแบบสามมิติ และมีเกมสำหรับการเรียนรู้ภาษามือไทย

          ทั้งนี้ทางภาควิชาฯ จะมีการปรับปรุงและพัฒนาโปรแกรมให้เป็นพจนานุกรมภาษามือที่ครอบคลุมการสื่อสารสำหรับผู้พิการ ทางการได้ยินให้มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันทางภาควิชามีการพัฒนาต่อเนื่องตลอดเวลา โดยเพิ่มข้อมูลในรูปแบบอื่น ๆ อาทิ ระบบเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษามือไทยเบื้องต้น ระบบแบบฝึกหัดภาษามือไทยรวมไปถึง คำศัพท์ต่าง ๆ ให้มากขึ้น

          ด้านนางสาวไพลิน พันธุ์ฉลาด นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิศวกรรมคอม พิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ. กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการพัฒนาโปรแกรมขึ้นมานั้น ได้เข้า ไปศึกษาข้อมูลที่โรงเรียนภูเก็ตปัญญานุกูล จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนผู้พิการทางการได้ยิน พบว่าสื่อที่ใช้สอนสำหรับผู้ที่มีความ บกพร่องด้านนี้มีหลายสื่อ แต่ยังไม่มีสื่อที่ สามารถออนไลน์ได้ทางอินเทอร์เน็ตและมือถือ เลยคิดพัฒนาโปรแกรมนี้ขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้คนหูหนวกได้มีโอกาสเรียนเพิ่มขึ้นในอีกหนึ่งช่องทาง โดยคนปกติก็สามารถเรียนได้ เพื่อที่จะได้สื่อสารกับคนหูหนวกได้อย่างรู้เรื่อง โดยโปรแกรมแบ่งคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน อาทิ พืช ผัก อาหาร การแต่งกาย สถานที่ จังหวัด ฯลฯ

          สำหรับจุดเด่นของโปรแกรมเมื่อคีย์คำศัพท์ลงไปและค้นหาข้อมูลแล้ว จะปรากฏ ออกเป็นทั้งภาพนิ่ง ไฟล์วิดีโอภาพเคลื่อนไหวภาษามือ และเป็นไฟล์เสียงออกมาด้วย ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งคนปกติและคนหูหนวก ในอนาคตจะพัฒนาโปรแกรมโดยการเพิ่มคำศัพท์ให้มากขึ้น จากที่มีอยู่เดิมประมาณ 700 คำ โดยในจำนวนนี้มีคำศัพท์ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งจะประมวลผลคำศัพท์ออกมามีทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว คำบรรยายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จำนวนทั้งสิ้น 500 คำ ส่วนที่เหลืออีก 200 คำจะพัฒนาให้สมบูรณ์มากขึ้น นอกจากนี้จะเพิ่มแบบฝึกหัดในการเรียน รวมทั้งเพิ่มหลักการในการคำนวณทางคณิตศาสตร์เข้าไปด้วย

          อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทางภาควิชาได้เปิดให้โรงเรียนที่สนใจนำโปรแกรมดังกล่าวไปทดลองใช้แล้ว โดยติดต่อได้ที่ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาเขตภูเก็ต มอ. โทร. 0-7627-6000 หรือ 08-1696-8415.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=165244&NewsType=1&Template=1

แฟ้มข่าว: ทำเว็บ-บล็อกช่วยสร้างรายได้คนพิการ

หัวข้อข่าว : ทำเว็บ-บล็อกช่วยสร้างรายได้คนพิการ
พก.จับมือ คนทำเว็บ งัดทีมวิทยากร อบรมหลักสูตรอาชีพทำเว็บบล็อก เว็บไซต์ เพื่อสร้างรายได้บนอินเทอร์เน็ตครั้งที่1 ยังพบตั้งเป้าสร้างรายได้จริง …

เมื่อคนพิการไม่ได้ถูกทอดทิ้ง หรือจำกัดขีดความสามารถอีกต่อไป หลายฝ่ายสนัยสนุน นับจากนี้ ช่องว่างที่เคยเกิดขึ้นคงถูกปิดลง บริษัท พีดับบลิวดี เอาท์ซอส เมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นในการสร้างอาชีพให้กับคนพิการ ควบคู่กับการนำแนวคิดด้านการบริหารจัดการ และเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการพัฒนาอาชีพ ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการจัดโครงการอบรม “หลักสูตรอาชีพทำเว็บบล็อก เว็บไซต์ เพื่อสร้างรายได้บนอินเทอร์เน็ต” หรือ WeBlog Camp 2009 ครั้งที่ 1

เปิดรับสมัครคนพิการ เข้ารับการอบรมจำนวน 25 คน เป็นคนพิการจำนวน 20 คน คนปกติจำนวน 5 คน ระยะการฝึกอบรม 22 วัน ระหว่างวันที่ 16 ก.ค.2552 ถึง 21 ส.ค.2552 เว้นวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.30 น. – 16.30 น. ระหว่างการอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 160 บาท ค่าเดินทางวันละ 30 บาท หลังอบรมเสร็จ และโอกาสได้ร่วมงานกับทางบริษัทฯ หรือฝึกงานในบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านอินเทอร์เน็ต

นางมยุรี ผิวสุวรรณ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมศักยภาพ และสิทธิของผู้พิการ สำนักงานส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ชี้แจงถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า การอบรมมีหลักสูตรที่แน่นอนจึงผลักดันเข้าสู่โครงการต้นกล้าอาชีพ โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากรัฐบาล และอยากให้ผู้พิการตั้งใจอบรมอย่างจริงจัง

ผอ.พก. เปิดเผยต่อว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.)สำรวจผู้พิการ ปี2550 พบว่ามีจำนวน 1.9 ล้านคน หนึ่งในจำนวนนี้ ได้ขึ้นทะเบียน เพื่อรับสิทธิของคนพิการประมาณ 8 แสนคนทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ปี 2540 พม.มีนโยบายจะให้เบี้ยยังชีพ กับคนพิการครบทุกคนที่จดทะเบียน 500 บาท ต่อเดือน เพื่อสนับสนุนให้คนพิการเข้าถึงกิจกรรมทางสังคมเท่านั้น ไม่รวมกับเบี้ยผู้สูงอายุ

ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ หรือทีเคปาร์ค ชี้แจงความร่วมมือครั้งนี้ว่า โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในภาระกิจของทีเคปาร์คนอกจากนี้ ยังทำให้คนพิการพัฒนาศักยภาพ และความรู้ได้หลายส่วนรวมถึสามารถประกอบอาชีพ โดยเฉพาะบริษัทที่ให้ความร่วมมือทั้งหมด จะเป็นช่องทางให้ผู้พิการใช้ประกอบอาชีพหลังอบรมเสร็จ

นายอัครวุฒิ ตำราเรียง ประธานกรรมการ บริษัทมาร์เวลิค เอนจิ้น วิทยากรอบรมหลักสูตรจูมล่า แสดงความคิดเห็นว่า ขณะนี้ เรื่องทำเว็บไซต์สามารถรับมาทำที่บ้านได้ หรือที่ที่มีอินเทอร์เน็ตได้ เมื่อรู้ขอบเขตงาน นอกจากนี้ ยังมองว่าการทำงานของคนพิการไม่มีอุปสรรคกับถ้าใช้เครื่องมือให้คล่อง

“เราคุยอยู่กับฝั่งตรงข้าม ไม่รู้หรอกว่า คนนั้นเป็นเด็กผู้ใหญ่ หรือคนแก่ ส่วนความเข้าใจ ดูจากเนื้องหาที่จัดมาตั้งแต่ต้น มองว่าควรปูพื้นฐานทั้งหมดโดยเริ่มตั้งแต่ใช้คอมพิวเตอร์ ควบคู่กับพื้นฐานด้านการตลาด พร้อมกับความเข้าใจอินเทอร์เน็ต ก่อนจะลงมือใช้เครื่องมือเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเหล่านั้น” วิทยากรอบรมหลักสูตรจูมล่า กล่าว

นายปรีดา ลิ้มนนทกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดับบิวดี เอาท์ซอร์ส เมเนจเมนท์ จำกัด (ผู้ทุพพลภาพ) กล่าวถึงการคัดเลือกผู้พิการเข้าอบรมครั้งนี้ว่า ดูจากความตั้งใจ เนื่องจากเป็นโครงการเล็ก จึงต้องการประเมินจากโครงการแรกก่อนว่าประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกัน คาดว่าจะเพิ่มจำนวนได้ในครั้งต่อไป
“อยากให้โครงการแรกประสบความสำเร็จก่อน และให้คนพิการที่มาเรียน เกิดรายได้จริง การตลาดบนเว็บได้ ขณะเดียวกัน ต้องดูผลการเรียนครั้งนี้ การตั้งใจและนำคนกลุ่มนี้ โดยเน้นการประกอบอาชีพอิสระ ไม่ต้องมีหน่วยงานมารองรับ” กก.บ.พีดับบิวดีฯ กล่าว

นายปรีดา กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้ทุกคนตั้งใจ เหมือนอย่างตนเองเริ่มต้นจากความไม่เป็นมาก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้พิการที่เข้ารับการอบรมครั้งนี้ มีอายุตั้งแต่ 18-58 ปี นอกจากนี้ ยังพบว่าปัญหาที่พบผู้พิการหูหนวกสมัครเข้ามา จึงต้องใช้ล่าม และล่ามไม่มีความรู้ด้านอินเทอร์เน็ต งบประมาณที่ใช้ไม่เพียงพอ

เป็นเรื่องที่น่ายินดี เมื่อมีผู้จุดพลุเปิดประตูสู่การรายได้ให้กับผู้พิการ เพราะทุกคนเท่าเทียม กันในสังคม คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าความตั้งใจ เอาจริงเอาจังของผู้พิการจะเต็มเปี่ยมขนาดไหน แม้ว่าก้าวแรกของการเริ่มต้นจะเป็นพบอุปสรรคอยู่บ้าง แต่คาดว่าทุกฝ่าย คงใช้เป็นแนวทาง เพื่อปรับปรุงให้ก้าวที่สอง และก้าวต่อไปเดินได้อย่างราบเรียบ...

กนกรัตน์ โกวิชัย

itdigest@thairath.co.th

บทความจาก : ไทยรัฐ

วันที่ : 20 กรกฎาคม 2552
ที่มา : http://www.bcoms.net/article/detail.asp?id=874

น่าเสียดายที่อ่านข่าวนี้ช้าเกินไป แต่ไม่เป็นไร เมื่อวันที่ 14 /10/52 ก็เพิ่งไปลงทะเบียนเรียนการสร้างเว็บไซต์ ที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จ.เชียงใหม่ มา ชำระค่าเรียนไป 1,000เรียน 30 ชั่วโมง ก็หวังว่าจะได้ความรู้มาพัฒนาและใช้ประโยชน์จากความรู้ที่ได้ให้มากที่สุด ก็ละกัน

14 ตุลาคม 2552

มิตรภาพที่มากกว่าเพื่อน

รูปเนี่ย ถ่ายที่โรงแรม OASIS HOTEL อยู่หน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่
บรรยายใต้ภาพ: เอริ์ธเพื่อนรัก กะแฟน(พัดลม)  ก็เจ้ยังโสด หันซ้ายหันขวาเจอพัดลมก็ลากมาร่วมแจม
แถมพ่วงเอาเพื่อนลูกหนึ่งมาเคียงข้างบันทึกภาพให้จดจำกันซะหน่อย

เอริ์ธ ณธกมล รุ่งทิม เพื่อนที่แสนดีในชีวิต


ฮัลโหล สวัสดีจ๊ะ แม่น้องเจแปน เป็นไงบ้างจ๊ะ เจแปนแฟมิลี่ สบายดีไหม

เสียงทักทายเสียงใสแจ๋ว จากป้าเอริ์ธดังตามสายมา (อดีตเป็นแค่เอริ์ธ (เพื่อนสุดเลิฟ) ปัจจุบัน เลื่อนตำแหน่งเป็นป้า อย่างไม่ค่อยเต็มใจหนัก อิอิอิ)

ป้าอยู่ OASIS HOTEL ไม่

ทราบว่า พ่อน้องเจแปน ลูกเจแปน เจแปนแฟมิลี่ พอจะมาหาป้าได้ไหมจ๊ะ

ป้าเพิ่งมาถึงเชียงใหม่เมื่อเช้า (She มาอัดรายการ สถานีอนามัย ที่ON AIR ทางไทยทีวีน่ะ ) ซึ่งเราม่ะได้เจอกันตั้งแต่เจแปนบุตรชายของแม่ปอยยังเป็นวุ้นอยู่เลย

เราปะกัน(ปะ แปลว่า พบ)ที่โรงแรมแล้วไปต่อกันที่คาร์ฟู หม่ำๆ ส่งป้าshop (อ้อ ป้ามากะบอดี้การ์ดสาวเหลือน้อย นาม คุณยายหน่อย) และสนทนากันพอหอมปาก ก็ส่งป้ากลับห้องเพราะป้าต้องเตรียมตัว กะสคริปรายการที่ต้องอัดต่อพรุ่งนี้ (ใจจริงถ้าให้เราคุยกันเวลาแค่ช่วงวันช่วงคืนเท่าไร ก็ไม่พอหรอก) เราต้องลาจากด้วยความจำเป็น พบกันพอหายคิดถึง .....

ณ วันนี้ เอารูป ป้า หลาน กะ แม่ปอย มาอัพบล็อก พอเป็นน้ำจิ้ม เอาไว้สอบเสร็จนะ มีเรื่องราวดีๆ มิตรภาพระหว่าง ปอยกะเอริ์ธ มาเราให้อ่านยาวๆๆ เพราะเรื่องของเราสองคนต้องขยาย มีอะไรมากมายที่อยากถ่ายทอดและร่วมแบ่งปันให้กันอีกเยอะ คอยติดตามนะจ๊ะ

แนะนำ พอสังเขป ปัจจุบัน ป้าเอริ์ธทำงานเป็นล่ามภาษาอังกฤษ(กับศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ ) ส่วนใหญ่จะเป็นงานเกี่ยวกับคนพิการ และหนึ่งในผู้ดำเนินรายการสถานีอนามัย ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี ทุกวันอังคาร ส่วนเวลา ถ้าจำไม่ผิดน่าจะบ่ายโมง หรือบ่ายโมงครึ่งโดยประมาณ